ファンタジック (Fantastic) - Inoue Sonoko [แปลไทย]

สวัสดีค่ะ
ในที่สุดก็ได้เอาเพลงนี้ของซนจังมาลงสักที TT
บอกตามตรงว่าเราไม่ถนัดเพลงที่ใช้คำอะไรแบบนี้เลยค่ะ แต่ก็สนุกไปอีกแบบดี
ถือว่าได้ฝึกไปในตัวด้วย 

ตอนที่แปลเพลง เราอ่านบทความที่ตีความเพลงนี้ไปด้วยค่ะ5555 
คือตอนแรกไม่เก็ทเลย ฮา แต่พอแปลไปเรื่อย ๆ ขัดคำไปเรื่อย ๆ 
เราก็เริ่มมีความคิดหลาย ๆ อย่างซึ่งตรงกับบทความที่อ่านบ้าง ไม่ตรงบ้าง
เลยอยากจะขอตีความ ไม่สิ เขียนถึงเพลงนี้ซะหน่อย 

ถ้าไม่รังเกียจ ดูซับจบหรืออ่านเนื้อเพลงจบแล้ว ลองอ่านความคิดของเราเกี่ยวกับเพลงนี้ได้นะคะ
อยู่ข้างล่างเนื้อเพลงค่ะ (•ᴗ•)


✿ ✿ ✿ ✿ ✿

ʕ·ᴥ·ʔ ファンタジック (Fantastic)
Artist : Inoue Sonoko
Lyric : Inoue Sonoko, n-buna
Music : n-buna
Thai Translate : sakuu 


ファンタジックな恋をして
今も君が見れない
写真の向こうで笑う君と
冬の部屋で一人
髪を切っても恋の歌止まることさえ知らないで
何もない日々と失敗の染みばかり数えて

ได้มีความรักแสนมหัศจรรย์ 
จนตอนนี้ก็มองไม่เห็นเธอแล้ว
อยู่ตัวคนเดียวในห้องฤดูหนาว
กับเธอที่ยิ้มอยู่อีกฟากของรูปถ่าย
แม้จะตัดผม แต่บทเพลงแห่งรักก็ไม่มีวันเล่นต่อ ไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องนั้น
คอยนับแต่รอยความผิดพลาดไปพร้อมกับวันเวลาไร้ค่า

ねぇ ほんの小さな灯りも
僕の胸は覚えてる

นี่ แม้แต่ละอองแสงเล็กน้อย
ภายในใจฉันก็ยังคงจำได้ดี

君が言った 君が言ったんだよ
慣れない笑顔も無理した優しさも
全部人生だ
春を待った ただ舞った花びらを掬い取った
色付いてく空の色にずっと見惚れていたこと
夢のようでした

เธอเป็นคนบอกฉัน เธอเป็นคนบอกฉันให้รู้
ทั้งรอยยิ้มที่ไม่คุ้นชิน ทั้งความอ่อนโยนที่ต้องฝืนทำ
ทั้งหมดนั้นคือชีวิตคนเรา
ที่เคยช้อนรับกลีบดอกไม้โปรยปราย ซึ่งต่างเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิเสมอมา
และเชยชมสีของท้องนภาที่ค่อยเปลี่ยน ๆ สีนั้น
มันเหมือนความฝันเลยล่

忘れたいことばっかりで
君の顔が見えない
目線より高く積み上げた想い出しか見えない
髪を切っても恋心冷めることさえ知らないで
うな垂れた前髪の奥に
また君が散らつく

มีแต่เรื่องที่อยากลืม
จนมองไม่เห็นหน้าเธอ
มองเห็นก็แต่ความทรงจำที่สูงชันเหนือสายตา
แม้จะตัดผม แต่หัวใจแห่งรักก็ไม่มีวันฟื้นคืน ไม่รู้กระทั่งเรื่องนั้น
ลึกลงใต้หน้าม้าที่ก้มลง
เธอปรากฏอย่างเลือนรางอีกครั้ง

ねぇ一瞬の光を見たんだ
あの日君の眼の奥で

นี่ เสี้ยววินาทีนึง ฉันมองเห็นแสงสว่าง
ภายในส่วนลึกของดวงตาเธอวันนั้น

君を知った 春が舞ったんだよ
切ないも愛も憂いも
この歌で全部言いたいよ
花が散って ただ落ちた花びらを救い取った
色付いていくその淡さに
ずっと君を重ねてる

ตอนที่ได้รู้จักเธอ ฤดูใบไม้ผลิก็โปรยปรายไปทั่ว
ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความรัก ทั้งความเศร้าหมอง
ฉันอยากจะกล่าวผ่านบทเพลงนี้ทั้งหมด
ช้อนรับกลีบดอกไม้ซึ่งร่วงหล่นเพราะดอกไม้โรยรา
บนสีอ่อน ๆ ของมันที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสี
ซ้อนภาพเธอให้เห็นเสมอ

君の色はあの花びらの色だ
僕の色は所詮君の色だったんだ
何でもいいんだよ
今更変われないんだよ
優しさばかりが傷になっていく
想い出ばかりが歌になっていく

สีของเธอเป็นสีของกลีบดอกไม้เหล่านั้น
ส่วนสีของฉันท้ายสุดแล้วก็เป็นสีของเธอ
จะอะไรก็ช่าง
ป่านนี้มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว
มีแต่ความอ่อนโยนที่ค่อย ๆ กลายเป็นบาดแผล
มีแต่ความทรงจำที่ค่อย ๆ กลายเป็นบทเพลง

君が言った 
ただ笑ったんだよ
慣れない笑顔も無理した優しさも全部人生だ
春を待って 君を待って

เธอเป็นคนบอกฉัน
เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
ทั้งรอยยิ้มที่ไม่คุ้นชิน ทั้งความอ่อนโยนที่ต้องฝืนทำ
ทั้งหมดนั้นคือชีวิตคนเรา
เฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิ เฝ้ารอเธอ

花が舞った 君を知ったんだよ
この恋も想い出も愛も優しさも全部歌いたいよ
春を舞った ただ舞った花びらを掬い取った
色付いてく君の顔にずっと見惚れていたこと
夢のようでした

ดอกไม้โปรยปรายไปทั่ว นั่นเป็นเพราะฉันได้รู้จักเธอ
ทั้งความหลงใหลนี้ ทั้งความทรงจำ ทั้งความรัก ทั้งความอ่อนโยน ฉันอยากจะขับขานออกมาทั้งหมด
ที่เคยช้อนรับกลีบดอกไม้ ซึ่งโปรยปรายทั่วฤดูใบไม้ผลิ
และเชยชมใบหน้าของเธอที่ค่อย ๆ ถูกแต่งแต้มสีสันนั้น
มันเหมือนความฝันเลยล่ะ

春のようでした

เหมือนฤดูใบไม้ผลิเลยล่ะ



- - - - - - - - - - - - - -

พูดถึงเพลงนี้

จากที่อ่านหรือดูกันไป พอเข้าใจเนื้อเพลงกันบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ไม่หรอ..
ต่อจากนี้เราจะมาพูดถึงแต่ท่อนที่เราคิดว่าสามารถเล่าอะไรได้หลายอย่างหรือพูดถึงท่อนนั้น ๆ ละเอียดมากขึ้นค่ะ จะยกมาแค่บางท่อนเท่านั้นนะคะ

อันดันแรกบทความที่เราอ่านตอนแปลเพลงไปมาจาก otokake ค่ะ ก็มีที่คิดเหมือนบ้าง แต่ไม่หมดซะทีเดียว เราว่าเพลงเป็นศิลปะ สามารถตีความในเห็นภาพได้หลายแบบ อยู่ที่ว่าเรามีประสบการณ์แบบไหน เจออะไรมา ถึงจะตีความได้หลายแบบแต่มันก็ไปในทางอารมณ์เดียวกัน เราคิดว่าแบบนั้นนะคะ..
ก็... เราไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ แปลผิดรึเปล่าก็ไม่รู้ ; ; แต่ก็จะขอพูดถึงจากมุมตัวเองนะคะ 
อาจจะมีจุดที่อ่านแล้วคิดว่านี่คิดเยอะไปรึเปล่า5555 ถ้ายังไงก็อ่านด้วยสายตาเอ็นดูทีนะคะแหะๆ
แล้วก็ถ้าพิมพ์วนไปวนมาหรือผิดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ (> _ <)

โอเค เข้าเรื่องได้
ก่อนอื่นเลย เพลงนี้มีพูดถึง ฤดูหนาว และ ฤดูใบไม้ผลิ ใช่มั้ยคะ
พูดถึงฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่น ก็มีหลายความหมาย ทั้งการเริ่มต้นใหม่ ทั้งความรัก
อีกมุมนึงเราคิดว่า ฤดูหนาวเนี่ยด้วยความหนาวของมันและภาพลักษณ์ที่แห้งๆ ไม่ค่อยมีดอกไม้เอย ทำให้รู้สึกถึงความเหงาและโดดเดี่ยว แต่พอฤดูใบไม้ผลิมาถึง หิมะก็ละลาย ดอกไม้งอกงาม มีแสงแดง ยิ่งถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นก็มีดอกซากุระบานสะพรั่งอีก ทำให้ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวา
พอเทียบกันอย่างงี้แล้ว ฤดูใบไม้ผลิเหมือนความหวัง เหมือนความสุข เลยว่ามั้ยคะ

คำว่า ฤดูใบไม้ผลิ ในเพลงนี้เราคิดว่าเป็นแบบนั้นค่ะ
งั้นก็เข้าเนื้อเพลงเลยละกันเนอะ


"อยู่ตัวคนเดียวในห้องฤดูหนาว
กับเธอที่ยิ้มอยู่อีกฟากของรูปถ่าย"

ท่อนแรกที่จะพูดถึงก็คือท่อนนี้ค่ะ ไม่มีอะไรมาก ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พออ่านแล้วก็คิดว่า ห้องฤดูหนาว เนี่ยบางทีอาจจะไม่ได้หมายถึงฤดูหนาวจริง ๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่เหมือนฤดูหนาวแบบที่เราพูดไว้ข้างบนรึเปล่า ช่วงเวลาที่เราเคว้ง โดดเดี่ยว รู้สึกเหงา สำหรับเพลงนี้ก็คงเป็นช่วงที่เธอไม่อยู่ให้เราเห็นแล้ว หรือก็คืออกหักนั่นเอง 

"นี่ แม้แต่ละอองแสงเล็กน้อย
ภายในใจฉันก็ยังคงจำได้ดี"

จริง ๆ ก็ไม่ใช่ท่อนที่ซับซ้อนอะไรแต่แอบอยากพูดถึงค่ะ มันแบบว่าฮือ การที่คนจะจำแสงได้นี่มันก็ดูยากแล้วใช่มั้ยคะ แล้วนี่เป็นละอองแสงแค่เล็กน้อย เราว่าหมายความว่าตอนนี้ตัวเอกก็ยังไม่ลืมอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังคงจดจำทุกอย่างได้ชัดเจนค่ะ


"เธอเป็นคนบอกฉัน เธอเป็นคนบอกฉันให้รู้
ทั้งรอยยิ้มที่ไม่คุ้นชิน ทั้งความอ่อนโยนที่ต้องฝืนทำ
ทั้งหมดนั้นคือชีวิตคนเรา"

ท่อนต่อมา ตอนที่อ่านครั้งแรกก็คิดว่าเป็นคำพูดตอนที่ยังคบกันอยู่ แต่ระหว่างที่ทำซับก็คิดขึ้นมาว่าบางทีอาจจะไม่ใช่คำพูด แต่เป็นการกระทำรึเปล่านะ ในชีวิตประจำวัน จะวัยเรียนหรือวัยทำงานมันก็จะมีที่เราต้องฝืนทำดีด้วย ปั้นยิ้มบ้างเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคนเรา
พอเลิกกันไปกันแล้วบังเอิญมาเจอกันก็อาจจะมียิ้มให้กัน ทักทายกันนิดหน่อย ซึ่งมันก็ทำให้ตัวเอกรู้ถึงเรื่องนี้ เราว่ามองแบบนี้ได้เหมือนกันค่ะ


"ที่เคยช้อนรับกลีบดอกไม้โปรยปราย 
ซึ่งต่างเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิเสมอมา
และเชยชมสีของท้องนภาที่ค่อยเปลี่ยน ๆ สีนั้น
มันเหมือนความฝันเลยล่ะ"

คำว่า 'ช้อนกลีบดอกไม้โปรยปรายซึ่งต่างเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิ' เนี่ย 
พอเราอ่านไปมาแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าเหมือนเรารอคอยกับการมีความรักจนได้มาเจอเธอรึเปล่านะคะ พอได้เจอเธอ ได้รักกับเธอก็เกิดฤดูใบไม้ผลิ มีดอกไม้ที่มันรอฤดูใบไม้ผลิก็ผลิบานและโปรยลงมา ท้องฟ้าเปลี่ยนสี (จากบทความที่เราอ่านมา เขาบอกว่าพอเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าว่าจะสว่าง และด้วยสีของซากุระกับใบไม้นั้นทำให้สีฟ้าของท้องฟ้าสว่างยิ่งขึ้น) ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันสวยงามจนเหมือนความฝัน ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกับเธอเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิแบบนั้น เพียงแต่มันกลายเป็นอดีตไปซะแล้วค่ะ


"มีแต่เรื่องที่อยากลืม
จนมองไม่เห็นหน้าเธอ
มองเห็นก็แต่ความทรงจำที่สูงชันเหนือสายตา"

ท่อนนี้ เราว่าขัดกันแบบเรียลดีค่ะ ตอนที่อกหักมันก็มีอะไรที่อยากลืมเต็มไปหมด แน่นอนว่าแม้แต่หน้าตาของอีกฝ่ายก็ไม่อยากนึกถึงแล้ว ในขณะเดียวกันทั้งที่อยากลืมแท้ ๆ แต่ความทรงจำที่เคยอยู่ด้วยกันกลับวนมาให้นึกตลอด 

"แม้จะตัดผม 
แต่หัวใจแห่งรักก็ไม่มีวันฟื้นคืน"

คำว่า หัวใจแห่งรักหรือ 恋心 หมายถึงหัวใจที่มีความรัก หัวใจที่รู้สึกรัก จริง ๆ ถ้าแปลตรงตัวมันจะแปลว่า 'แม้จะตัดผมหัวใจที่รู้สึกรักก็จะยังเย็นชืด' ซึ่งตรงนี้เราได้ปรับให้ตอนทำซับไป
เพราะงั้นก็คิดได้ว่าถึงจะตัดผม(ตามที่คนมักทำตอนอกหัก)ไปเราก็มารักกันไม่ได้อยู่ดีค่ะ


"ลึกลงใต้หน้าม้าที่ก้มลง 
เธอปรากฏอย่างเลือนรางอีกครั้ง"

เป็นท่อนสั้น ๆ ที่ชอบมากค่ะ 
หน้าม้าที่ก้มลง ก้มลงที่ว่าทำให้เห็นภาพคนที่กำลังเศร้าก้มหน้าลง พร้อมท่อนต่อไปที่ว่า เธอปรากฏอย่างเลือนราง ที่อยู่ในหน้าม้าก็คือดวงตาเพราะงั้นจะคิดว่าในขณะที่ก้มหน้าลงภาพของเธอก็ปรากฏให้เห็นก็เป็นไปได้ค่ะ ที่เป็นแบบเลือนรางก็อาจจะเพราะเราอยากลืมแต่สุดท้ายก็เห็นภาพของเธออยู่ดีรึเปล่านะ 
จากบทความที่อ่านบอกว่า (เชื่อมกับประโยคตัดผมข้างบน) หมายถึงยิ่งพยายามลืมก็ยิ่งนึกถึงด้วยค่ะ
แล้วก็เราคิดอีกแบบด้วยว่ามันอาจจะเป็นการร้องไห้ เพราะอย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเรานึกเป็นภาพคนก้มหน้าลง แล้วที่เห็นอย่างเลือนรางไม่ชัด เราคิดว่าเพราะเห็นเธอภาพผ่านน้ำตาค่ะ พูดง่าย ๆ เหมือนว่าพอนึกถึงเธอแล้วก็น้ำตาไหลออกมาค่ะ

เราว่ามันตีความหมายได้หลายแบบและเห็นภาพดี เลยชอบมากค่ะ


"ตอนที่ได้รู้จักเธอ ฤดูใบไม้ผลิก็โปรยปรายไปทั่ว"

ก็มองได้สองแบบนะคะ
ตอนที่รู้จักกับเธอนั้นเป็นช่วงดูใบไม้ผลิพอดี หรือว่า เมื่อรู้จักกับเธอฤดูใบไม้ผลิของฉันก็โปรยปราย
ถ้าเป็นคนที่ตามอนิเมะญี่ปุ่นอาจจะเจอบ่อย ๆ กับประโยคนี้ ฤดูใบไม้ผลิตูมาถึงแล้วเว้ยยไรงี้(ฮา) ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว มีความหมายว่ามีความรักนั่นเองค่ะ

แน่นอนว่าสำหรับเราตีความว่าเป็นแบบที่สองเหมือนที่พูดไว้ข้างต้นว่าช่วงเวลาที่ได้รู้จัก ได้รักเธอก็เป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ
เราชอบที่ใช้คำว่าฤดูใบไม้ผลิโปรยปรายมากค่ะ ฤดูใบไม้ผลิมีความหมายดี ๆ หลายอย่าง แถมไม่ใช่แค่ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเท่านั้น แต่เป็นฤดูใบไม้ผลิโปรยปรายเลย พอคิดว่าประโยคนี้มากจากคนที่อกหักก็เศร้ามากค่ะ T T

"ช้อนรับกลีบดอกไม้
ซึ่งร่วงหล่นเพราะดอกไม้โรยรา
บนสีอ่อน ๆ ของมันที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสี
ซ้อนภาพเธอให้เห็นเสมอ"

เป็นท่อนที่เรารู้สึกว่าเศร้ามาก ;__; 
ท่อนแรกนู้น ที่บอกว่า 'ช้อนรับกลีบดอกไม้โปรยปราย' นั้นได้เราบอกว่ามันผลิบานและโปรยปรายเพราะฤดูใบไม้ผลิมาถึงใช่มั้ยคะ แต่อันนี้เป็นกลีบดอกไม้ที่ร่วงลงมาเพราะดอกไม้โรยรา...TT 
เราก็มองได้ว่าที่มันโรยราเพราะช่วงเวลาฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงเวลาที่มีเธอมันจากไปแล้วนั่นเองค่ะ

พอบวกกับท่อนข้างบนที่บอกว่าฤดูใบไม้ผลิโปรยปรายเพราะได้รู้จักเธอ ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลินั้นมันโรยราซะแล้ว.. เหมือนความสุข ความรัก ทุกอย่างที่เปรียบเสมือนฤดูใบไม้ผลิมันโรยราซะแล้วค่ะ

ท่อนต่อมาที่บอกว่า สีอ่อน ๆ ค่อย ๆ เปลี่ยนสี 
อันนี้มาจากบทความที่อ่านบอกว่า กลีบดอกไม้ที่ร่วงลงมานั้นไม่สวยเท่าตอนที่อยู่บนกิ่ง ตอนที่ร่วงลงมาอาจโดยสายลมพัด โดนฝน ตกบนพื้นดิน หรือตกบนพื้นน้ำ ซึ่งทำให้มันเปื้อน ทำให้สีค่อย ๆ เปลี่ยนไปไม่งดงามเหมือนเก่านั้นเองค่ะ ดอกไม้ที่เคยอยู่ในฤดูใบไม้ผลิมันไม่ดีและไม่สวยงามเท่าช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงเวลาที่มีเธอค่ะ

ต่อด้วยที่ว่า 'ซ้อนภาพเธอให้เห็นเสมอ' 
ประโยคนี้สิ่งที่แสดงชัด ๆ เลยคือยังคิดถึงเธอค่ะ แม้ว่าทุกอย่างมันจะโรยราหมดแล้วแต่เราก็ยังช้อนรับเหมือนตอนที่มันโปรยปรายและเห็นภาพเธออยู่ดี เป็นแฟลชแบ็คเลยว่ามั้ยคะ 



"สีของเธอเป็นสีของกลีบดอกไม้เหล่านั้น
ส่วนสีของฉันท้ายสุดแล้วก็เป็นสีของเธอ"

ท่อนนี้ค่อนข้างชัดเจนเลยค่ะ
จากบทความที่อ่านมา สีของเราไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นสีของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างของเราถูกย้อมด้วยสีของเธอ หรือก็จนถึงตอนนี้เราก็ยังเป็นของเธอค่ะ


"มีแต่ความอ่อนโยนที่ค่อย ๆ กลายเป็นบาดแผล
มีแต่ความทรงจำที่ค่อย ๆ กลายเป็นบทเพลง"

จากบทความที่อ่านอีกเช่นเคย
ความอ่อนโยนของเธอที่เธอเคยให้ สำหรับตอนนี้มันเป็นเหมือนบาดแผลให้เราเจ็บปวด
ความทรงจำแสนสุขร่วมกับเธอ ตอนนี้นำมาเขียนเป็นบทเพลง และเมื่อกลายเป็นบทเพลงแล้ว
ส่งไปถึงเธอได้ก็คงจะดี
ในท่อนนี้เหมือนมีความคิดแบบนั้นอันแน่นอยู่ค่ะ ซึ่งเป็นอีกท่อนที่เราชอบมาก ๆ ตั้งแต่ฟังครั้งแรกเลยค่ะ 


"ที่เคยช้อนรับกลีบดอกไม้ ซึ่งโปรยปรายทั่วฤดูใบไม้ผลิ
และเชยชมใบหน้าของเธอที่ค่อย ๆ ถูกแต่งแต้มสีสันนั้น
มันเหมือนความฝันเลยล่ะ

เหมือนฤดูใบไม้ผลิเลยล่ะ"

มาถึงท่อนสุดท้ายแล้วว
ก็ตามที่ได้กล่าว ๆ มาว่าทุกอย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในช่วงเวลาที่มีเธอมันสวยงามเหมือนความฝัน แล้วทีนี้เพลงปิดจบอีกทีว่าช่วงเวลาเหล่านั้นมันเหมือนฤดูใบไม้ผลิเลยค่ะ สามารถมองว่าเป็นการเฉลยได้มั้ยคะว่าช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับตัวเอก 'มันเป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิ' จริง ๆ 

.
จบแล้วค่า ยาวม้ากมาก
เรานี่ก็ดันมาตีความทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองแปลถูกแค่ไหน (โถ่ชีวิต) แต่ยังไงมันก็เป็นแค่การตีความจากมุมมองของเราเท่านั้น ราว่าการฟังเพลงโดยมุมมองตัวเองคือความสุขอย่างนึงในการฟังเพลงล่ะค่ะ 
ก็หวังว่ามุมมองเราจะเหมือนกับมุมมองคนที่อ่านอยู่บ้างนะคะ 
สำหรับเราเป็นเพลงที่แปลค่อนข้างยากแต่พอแปลออกมาได้ก็แอบพอใจกับตัวเองนิดหน่อยค่ะ เพราะไม่ค่อยได้แปลเนื้อเพลงแนวนี้เท่าไหร่
สุดท้ายนี้หวังว่าจะไม่มีพิมพ์ผิด พิมพ์ตกอะไรนะคะฮือ 
แอบแปะภาพไปซะเยอะเลย เอ็มวีนี้ของซนจังสวยจริง ๆ ค่ะ อดไม่ได้5555 
ถ้ามีโอกาสจะพูดถึงเพลงอื่น ๆ อีก แต่ก็อาจจะไม่ได้ตีความอะไรแบบนี้บ่อย ๆ หรอกค่ะ 

สำหรับวันนี้ขอบคุณค่ะ 
บ๊ายบายยย


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.